วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2561




บทเรียนใหม่ของสังคมข้อมูล






ชวน หวังสุนทรชัย
กิริฎา เภาพิจิตร
ในยุคที่ข้อมูลสามารถสร้างโอกาสมหาศาลให้กับผู้ครอบครอง ไม่ว่าจะเพื่อ “พัฒนาคุณภาพการให้บริการ” ของธุรกิจหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ กระทั่งมีผู้กล่าวว่า data is the new currencyก็คงจะไม่เกินความจริงนัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนล้วนแข่งกันเก็บและใช้ข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันของตน ในการเสนอสินค้าหรือบริการให้เหนือกว่าคู่แข่ง หรือเพื่อหาประโยชน์อย่างอื่นในทางที่ไม่เหมาะสมก็ได้เช่นกัน
ดังจะเห็นได้จากเหตุการณ์ล่าสุดที่มีบริษัทแห่งหนึ่งในต่างประเทศ วิเคราะห์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ Facebook เพื่อประโยชน์ทางการเมือง โดยการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากแบบสอบถามที่บุคคลเหล่านั้นตอบ (เพียงกดให้ความยินยอมบน Facebook บริษัทก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งบัญชีผู้ตอบคำถาม รวมถึงเพื่อนของผู้ตอบได้) ผลคือมีรายงานข้อเท็จจริงว่า บริษัทดังกล่าวสามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ Facebook ได้กว่า 50 ล้านบัญชี แล้วนำไปวิเคราะห์ลักษณะของบุคคล เพื่อนำเสนอเนื้อหามุ่งชี้นำให้กลุ่มบุคคลเป้าหมายใช้สิทธิเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาครั้งที่ผ่านมาให้เป็นไปตามที่ต้องการ
บทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้คือ เราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับเราจะถูกเข้าถึงได้ทางใดบ้าง เพราะแม้เราจะใช้ความพยายามในการป้องกันความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างดีแล้ว ข้อมูลก็อาจจะยังรั่วไหลออกจากทางอื่น เช่น จากเพื่อนของเราได้เช่นกัน
ดังนั้น เมื่อเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าข้อมูลที่ถูกเก็บไป จะถูกนำมาใช้ประโยชน์โดยใครและเมื่อไหร่การมีมาตรการคุ้มครอง หรือวิธีการป้องกัน ลดโอกาสเกิดผลกระทบจากการที่ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรา แล้วนำมาใช้ประโยชน์แทรกแซงชีวิตความเป็นอยู่เราจึงสำคัญและจำเป็นอย่างมาก
ในสหภาพยุโรปมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมาใช้บังคับกว่า 10 ปีแล้ว และจะมีกฎหมายใหม่ที่จะใช้บังคับในเดือนพฤษภาคมนี้คือ General Data Protection Regulation (GDPR) ซึ่งนอกจากจะมีหลักการทางกฎหมายที่พัฒนามาเป็นเวลายาวนาน ยังมีสิทธิใหม่ๆ ที่ทันสมัย มากขึ้น เพื่อรองรับการเชื่อมต่อข้อมูลสมัยใหม่ ตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
ตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ ‘Right to erasure’ หรือ ‘Right to be forgotten’ คือสิทธิที่จะถูกลืม โดยมีหลักการพื้นฐานว่าบุคคลควรมีสิทธิที่จะสั่งให้ผู้ที่เก็บข้อมูลของตนลบข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลนั้นให้หมดไป ยกตัวอย่างเช่น หากว่าจะมีการเลิกใช้ Facebook นอกจากการลบบัญชีผู้ใช้ส่วนตัวแล้วบุคคลมีสิทธิที่จะสั่งให้ Facebook ลบข้อมูลทั้งหมด ที่มีเกี่ยวกับตนออกจากฐานข้อมูลได้ เพื่อไม่ให้บริษัทนำข้อมูลเหล่านั้นไปหาประโยชน์อีก
นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังมีบทลงโทษที่รุนแรงหากมีการละเมิดกฎหมายคือ มีโทษปรับทางปกครองสูงสุดถึง 20 ล้านยูโร หรือร้อยละ 4 ของรายรับทั่วโลกของกิจการนั้นๆ แล้วแต่ว่าจำนวนใดสูงกว่าทั้งนี้โทษปรับดังกล่าวยังไม่รวมบทลงโทษ อื่นที่ประเทศสมาชิกสามารถกำหนดได้เพิ่มเติม ยิ่งไปกว่านั้นกฎหมายดังกล่าวยังกำหนดหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดในการส่งข้อมูลส่วนบุคคลออกไปนอกสหภาพยุโรป โดยจะไม่อนุญาตให้ส่งข้อมูลไปยังประเทศปลายทางที่ทางสหภาพยุโรปไม่รับรองมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ด้วยเหตุนี้องค์กรหรือบริษัท เช่น สายการบินและโรงแรมนอกสหภาพยุโรปที่ทำธุรกิจกับลูกค้าจากสหภาพยุโรปและมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับข้อมูลส่วนบุคคล จะประสบความลำบาก แม้ว่าทางบริษัทจะสามารถขออนุญาตจากทางสหภาพยุโรปได้เป็นรายบริษัทแต่ก็จะใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง
ในโลกที่กำลังหมุนไปด้วยข้อมูล และเพื่อไม่ให้มีการนำข้อมูลไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกฎหมาย เพื่อรับมือกับปัญหานี้ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่อยู่ในระหว่างการยกร่าง มีหลักการโดยสังเขปเพื่อกำหนดเงื่อนไขการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยชอบ รวมถึงกำหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อบังคับใช้ต่อผู้ละเมิด เช่น หลักการของการให้ความยินยอมจาก ผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนจะนำข้อมูลไปใช้ หลักการแจ้งวัตถุประสงค์ในการใช้ข้อมูลเหล่านั้น สิทธิที่ผู้เกี่ยวข้องกับข้อมูลพึงมีต่อข้อมูล รวมถึงหน้าที่ของผู้เก็บข้อมูลที่จะต้องแจ้งต่อทางการและบุคคลที่เกี่ยวข้อง หากเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้น เป็นต้น
ในประเทศไทยได้มีความพยายามจะออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โดยผ่านรัฐบาลมาแล้วหลายชุด แต่ขณะนี้ก็ยังคงอยู่ในกระบวนการพิจารณาอยู่ จากบทเรียนข้อมูลของผู้ใช้ Facebook กว่า 50 ล้านคนรั่ว น่าจะเป็นอีกกรณีศึกษาที่ประเทศไทยควรนำมาพิจารณา และรัฐบาลมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพร้อมทั้งมาตรการกำกับดูแลให้มีการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะข้อมูลส่วนบุคคลไม่สมควรจะถูกตักตวงไปใช้ประโยชน์โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตและสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามรัฐธรรมนูญก็ไม่ควรจะถูกละเมิด
นอกจากนี้การมีกฎหมายดังกล่าวที่ ทันสมัยจะทำให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับจากต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรปอันจะนำมาสู่โอกาสการทำธุรกิจกับต่างประเทศอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นเราสมควรผลักดันกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้ออกมาอย่างเร็วที่สุด
สุดท้ายนี้ เราทุกคนควรจะให้ความสำคัญต่อนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) ที่องค์กรยื่นให้อ่านก่อนการใช้สินค้าหรือบริการ โดยเฉพาะบริการที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะว่าหากเราใช้บริการใดโดยไม่ต้องจ่ายเงินแล้ว ในทางหนึ่งเราก็ไม่เป็นแค่ผู้บริโภค แต่ก็เป็นสินค้าให้คนอื่นซื้อขายไปด้วยในเวลาเดียวกัน


หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรก ในวาระทีดีอาร์ไอ กรุงเทพธุรกิจ เมื่อ 29 มีนาคม 2561

แนวทางวิจัย




ปฏิรูปการศึกษา ทำอย่างไรสำเร็จได้ในชาตินี้? กว่า 20 ปีที่มีความพยายามปฏิรูปการศึกษากันหลายรูปแบบ แต่คุณภาพการศึกษาไทยกลับยังไปไม่ถึงไหน
ที่ผ่านมาการปฏิรูปการศึกษาแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ด้วยการปรับโครงสร้างและสั่งการลงมา แต่ไม่ได้ทำใน 2 เรื่องสำคัญ คือ 1) การสื่อสารสร้างความเข้าใจ และ 2) ลงมือทำเป็นตัวอย่างอย่างเป็นระบบ
แล้วการสื่อสารสร้างความเข้าใจ กับ ลงมือทำเป็นตัวอย่างอย่างเป็นระบบ เพื่อปฏิรูปการศึกษาให้สำเร็จได้ในชาตินี้ ควรจะออกมาในรูปแบบหน้าตาอย่างไร
ติดตามเพิ่มเติมใน คิดยกกำลังสอง: การศึกษาไทย…ปฏิรูปได้ในชาตินี้ ออกอากาศทางไทยพีบีเอส เมื่อ 11 ธันวาคม 2560 สามารถติดตามการวิเคราะห์สถานการณ์และนโยบายเพื่อการพัฒนาประเทศ กับ ทีดีอาร์ไอ โดย ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ได้ทุกวันจันทร์ในรายการคิดยกกำลังสอง ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส

คุมเข้มอินเทอร์เน็ตไทย นโยบาย 4.0 ไม่มีทางเกิด





ดร.สมเกียรติ วิพากษ์อินเทอร์เน็ตไทยรัฐยิ่งปิดกั้นสื่อ ความหวังเดินนโยบาย 4.0 ไม่มีทางเกิดขึ้นแนะทางออก เปิดข้อมูลเสรี เข้าถึงง่าย นำไปต่อยอดธุรกิจได้
เมื่อวันที่  18 ก.ค. 60 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) แถลงข่าวการประชุมนานาชาติ “เวทีอภิบาลอินเทอร์เน็ตภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก “APrIGF 2017” ณ อาคารจามจุรี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตอนหนึ่ง ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวถึงยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0กับนโยบายอินเทอร์เน็ตของไทย ว่า บทบัญญัติเรื่องของอินเทอร์เน็ตในเมืองไทยน่าสนใจมาก หากเป็นต่างประเทศอินเทอร์เน็ตไม่ต้องดูเเลมากมาย ถือว่าเป็นอนุบาลอินเทอร์เน็ต หมายถึงดูเเลเล็กๆ น้อยๆ แต่เมืองไทยของเราดูเเลส่วนนี้มากเป็นพิเศษ เรียกว่าเป็นอภิบาลอินเทอร์เน็ต รัฐบาลบอกว่าไทยแลนด์ 4.0 คือยุคที่เราจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศโดยใช้ข้อมูล ใช้ความรู้เป็นปัจจัยในการผลิตหลัก แต่ว่าปัญหาใหญ่อีกอย่างคือการที่รัฐพยายามปิดกั้นการสื่อสาร
ดร.สมเกียรติ กล่าวถึง นโยบาย OTT(Over-The-Top) หรือ การให้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตโดยที่ผู้ให้บริการไม่ได้ลงทุนหรือเป็นเจ้าของโครงข่ายอินเทอร์เน็ต ว่า ความเข้าใจแรกนึกว่าเป็น Over-Takorn-Tantasith เพราะว่าคนสั่ง OTT ไม่ใช่คุณฐากร ตัณฑสิทธิ์ (เลขาธิการ กสทช.) แต่เป็นคนที่เหนือกว่า ซึ่งนโยบายดังกล่าวถือเป็นการปิดกั้นการสื่อสารแบบหนึ่ง ความไม่เข้ากันกับบริบทของไทยแลนด์ 4.0 ที่รัฐบาลต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานความรู้ ซึ่งวิธีการหลักคือการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เช่น โครงการ ECC เพราะจะหวังรอสตาร์ทอัพเมืองไทยในการขับเคลื่อนอย่างเดียวก็ไม่ทัน
ดร.สมเกียรติ กล่าวอีกว่า ประเด็นนโยบาย4.0 และ นโยบายอินเทอร์เน็ตต้องไปด้วยกันให้ได้ เพราะนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้อินเทอร์เน็ตโดยตรงมีความกังวลอย่างมาก จากการปิดกั้นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งความกังวลที่ว่าไม่ใช่เพียงแค่บริษัทจากฝั่งตะวันตกอย่าง กูเกิ้ล หรืออื่นๆ แต่รวมถึงบริษัทในโลกตะวันออกด้วย เพราะเขาห่วงเรื่องสิทธิเสรีภาพมาก แต่เดิมเราคิดว่าเรื่องนี้ คนที่ให้ความสำคัญมากคือชาติตะวันตก แต่วันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นเเล้ว
“หากนโยบายไทยแลนด์4.0 ไม่เปิดกว้างในเรื่องการสื่อสาร ประเทศไทยจะไม่ประสบความสำเร็จในการดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ เราอาจว่า จีนไม่ได้เปิดกว้างทางอินเทอร์เน็ตแต่ทำไมถึงประสบความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจด้านนี้ได้ ไทยจะสามารถใช้โมเดลอภิบาล แบบจีนได้ค่อนข้างยาก เพราะไทยไม่ใช่ตลาดใหญ่ ที่ไม่ต้องง้อต่างชาติ  ตลาดจีนใหญ่พอที่จะไม่ต้องง้อ”
ดร.สมเกียรติ กล่าวถึงโอกาสที่ไทยจะสามารถปรับปรุงนโยบายตรงนี้ได้ คือ ภาครัฐต้องเผยแพร่ข้อมูล ในลักษณะ Open DATA หมายถึงไม่ต้องเสียเงินในการเข้าถึง เพราะวันนี้เราต้องจ่ายเงินจำนวนมากในการเข้าถึงข้อมูล เช่นข้อมูลการสำรวจครัวเรือนต่างๆ ข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจ ที่จะสามารถนำไปต่อยอดสตาร์ทอัพต่างๆ ได้ ก็ไม่ใช่ข้อมูลที่เข้าถึงได้อย่างถูกๆ รวมไปถึงข้อมูลบางส่วนที่เปิดที่เข้าถึงยากมาก เช่น ข้อมูลการถือครองที่ดิน และยังมีข้อมูลที่เปิดแต่คอมพิวเตรอ์อ่านไม่ได้ เช่นอยู่ในรูปของไฟล์ PDF ซึ่งไม่สามารถประมวลทางคอมพิวเตอร์ได้ และบางส่วนเปิดข้อมูลแต่ไม่มีรายละเอียด
“ข้อมูลที่จะส่งผลดีต่อการต่อยอดธุรกิจ ต้องเป็นข้อมูลเปิด ละเอียด มีวิธีการบริหารจัดการระหว่างความเป็นส่วนตัว (Privacy) กับการใช้ประโยชน์”ประธานทีดีอาร์ไอ กล่าวและว่า  หากภาครัฐอยากเห็นไทยแลนด์ 4.0 เกิดขึ้น ดูเหมือนต้องปรับเปลี่ยนนโยบายหลายเรื่อง เทคโนโลยีมีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด องค์กรเอกชนต่างๆ พยายามปรับตัวด้วยความเร็วเเบบค่อยๆ ไป แต่ที่น่าหนักใจคือ หากรัฐไม่ปรับตัวให้ทันอย่างน้อยในขั้นธุรกิจ โอกาสที่จะไปถึงไทยแลนด์ 4.0 เป็นไปได้ยาก
ดร.สมเกียรติ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลอยากเห็นไทยแลนด์ 4.0 เกิดขึ้น จึงสนับสนุนธุรกิจใหม่ๆ เช่นสตาร์ทอัพ ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี การตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ตั้งกองทุนสนับสนุน โดยหวังว่าจะขับเคลื่อนสตาร์ทอัพ เพื่อให้สตาร์ทอัพได้ขับเคลื่อนประเทศ แต่ว่าสตาร์อัพของไทยยังแบเบาะ คนไทยมีความเป็นผู้ประกอบการ ความสามารถทางเทคโนโลยีไม่สูงเท่าไหร่  เพราะฉะนั้นนโยบายไทยแลนด์ 4.0 จึงเป็นการจุดประกายให้คนไทยหันมาสร้างนวัตกรรม เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ข้อมูลสารสนเทศมากขึ้น แต่ประเด็นคือ เราจะสร้างสตาร์ทอัพอย่างไร ในเมื่อบริการด้านอินเทอร์เน็ตเทคโนโลยีสารสนเทศของไทยติดกฎระเบียบหมดเลย
“ถ้ามีแต่ห้ามแล้วเราจะเอาไอเดียไหนมาทำสตาร์ทอัพ สตาร์ทอัพไม่ใช่ของที่อยู่ดีๆ นึกได้ในห้องเรียน แล้วออกมาได้เลยต้องอาศัยการลองถูกลองผิดถ้าสตาร์ทอัพไม่เกิดในไทย บางทีโจทย์อาจไม่อยู่ที่ว่าเราไม่มีเงินทุน แต่เพราะเราไม่มีเวทีให้คนไทยได้ลองผิดลองถูก” ดร.สมเกียรติ กล่าว

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรก โดย สำนักข่าวอิศรา เมื่อ 18 กรกฎาคม 2560 ในชื่อ ดร.สมเกียรติชี้รัฐยิ่งปิดกั้นสื่อนโยบาย 4.0 ไม่มีทางเกิด

วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2561

Tool-Mediated Authentic Learning in an Educational Technology Course: A Designed-Based Innovation

Tool-Mediated Authentic Learning in an Educational Technology Course: A Designed-Based Innovation
Amory, Alan
Interactive Learning Environments, v22 n4 p497-513 2014
This design-based research project is concerned with the design, development and deployment of interactive technological learning environments to support contemporary education. The use of technologies in education often replicates instructivist positions and practices. However, the use of Cultural Historical Activity Theory (C), authentic learning (A), and educational technologies as tools (T) to mediate learning provides an integrated CAT framework to design and use learning experiences that transform not only individuals but also their world view. The work reports on the design, redesign, and evaluation of an honors course on the use of information communication technologies in teaching and learning. Analyses identified a number of design principles useful in conceiving learning tasks to support the theoretical framework. The CAT framework fosters the use of learning mediation through the use of educational tools that support collective knowledge construction of individuals and their communities, rather than replicate the use of technology for instruction.
Routledge. Available from: Taylor & Francis, Ltd. 325 Chestnut Street Suite 800, Philadelphia, PA 19106. Tel: 800-354-1420; Fax: 215-625-2940; Web site: http://www.tandf.co.uk/journals
Publication Type: Journal Articles; Reports - Research
Education Level: Higher Education; Postsecondary Education
Audience: N/A
Language: English
Sponsor: N/A
Authoring Institution: N/A

Authentic Instruction and Technology Literacy

Authentic Instruction and Technology Literacy
Cydis, Susan
Journal of Learning Design, v8 n1 p68-78 2015
Technology integration is an important aspect of student competence in the 21st century. The use of technology in teaching and learning is a valuable practice for supporting student learning and engagement. Modelling the pedagogical practices that integrate authentic, performance-based opportunities for technology integration was the focus of a project designed to support future teachers with acquiring these same pedagogical practices. The project was an opportunity to demonstrate value for a competency-based approach to teacher education that integrates technology literacy as a required component of teaching and learning in the 21st century. It explored the extent to which preservice teachers integrated technology tools in the lesson plans they created. The use of various self-selected technology tools using this approach served as an illustration of the important aspects of sound instructional pedagogy including authentic learning, technology integration and performance-based learning.

It Doesn't Matter What Is in Their Hands: Understanding How Students Use Technology to Support, Enhance and Expand Their Learning in a Complex World
Bryant, Peter
International Association for Development of the Information Society, Paper presented at the International Association for Development of the Information Society (IADIS) International Conference on Educational Technologies (5th, Sydney, Australia, Dec 11-13, 2017)
Perspectives on the use of technology in teaching and learning have been increasing polarised, with positions entrenched around the efficacy of using technology in lectures, the distractions assumed to arise from social media and the temporality and ephemerality of knowledge located outside the academy. This paper presents the preliminary collective findings from several analytical projects arising from an innovative consultation project at the London School of Economics called LSE2020. This project was a central component of how we designed and delivered the strategic implementation of pedagogical change at the School. It sought to identify barriers and opportunities that can emerge from the integration of technology at a curricular and delivery level. The primary finding of the study is that students used and valued the effectiveness and benefit of the technologies that were provided to them by the institution and technology they chose to use themselves in different ways. The technology provided by the institution such as the Virtual Learning Environment and lecture recording facilitated actions aligned with the necessity to succeed, whilst their own technologies were part of wider approach to understanding and coping with the intersecting pressures of personal, professional and educational lived experiences. [For the complete proceedings, see ED579282.]

บทเรียนใหม่ของสังคมข้อมูล 29 มีนาคม 2018 บทความ ,  การปฏิรูปกฎหมาย ,  ประเด็นวิจัย ,  ทีดีอาร์ไอชวนอ่าน กฎหมาย ,  ดร.กิริฎา เภาพิจ...